3 สูตร มันบด ราดซอสเกรวี่

3 สูตร มันบด ราดซอสเกรวี่ มันบด หรือมันฝรั่งบด ทำอย่างไรให้ เนื้อเนียนนุ่ม ราดซอสเกรวี่ กินกันได้ทั้งครอบครัว WBET69 มี 3 สูตร มันบด ราดซอสเกรวี่ สูตรมาฝากใครอยากทำเมนูพิเศษช่วงสุดสัปดาห์ แล้วอยากหาเครื่องเคียง ตัดเลี่ยน เพิ่มรสชาติและกินให้อิ่มท้องมากขึ้น
ตามมาดูกันเลย รับรองว่าอร่อย ทำง่าย ทานได้ทั้งครอบครัว

มันบด ทำจาก มันฝรั่ง นำมาบดละเอียด ผสมกับเนย น้ำมันพืช นม หรือ ครีม แล้วปรุงรสด้วย เกลือ พริกไทยและสมุนไพรเครื่องเทศอื่นๆ โดยอาจใส่ส่วนผสมอื่นเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็น กระเทียม ชีส เบคอนบิทส์ ครีมเปรี้ยว ต้นหอม มัสตาร์ด หรือเครื่องเทศ เช่น ลูกจันทน์เทศ บางที่อาจใส่ผักชีฝรั่งหรือโรสแมรี่สับ หัวผักกาดขาว และวาซาบิ ลงไปด้วย workspacez

โดยสูตรการทำ มันบดนั้นมีที่มาอย่างไรไม่แน่ชัด บางแหล่งข้อมูลกล่าวว่า ถูกคิดค้นขึ้นเมื่อค.ศ. 1771 ในฝรั่งเศส เมื่อชายชื่อ อองตวน ปาร์เมนเทีย จัดการแข่งขันทำอาหารจากมันฝรั่งขึ้น อีกข้อมูลหนึ่งเชื่อกันว่าเป็นคนอังกฤษที่คิดค้นเมนูนี้ขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะมีที่มาอย่างไร มันบด ก็ได้กลายเป็นอาหารยอดนิยมทั่วโลก และเป็นเมนูเครื่องเคียงที่มักพบได้ในอาหารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสเต็ก พิซซ่า หรือแม้แต่เมนูอย่างไก่ทอด

3 สูตร มันบด ทำได้เองที่บ้าน
มันบดราดซอสเกรวี่
มันฝรั่งบด

มาที่สูตรการทำมันบด สูตรแรกซึ่งคงเป็นอะไรที่เราคุ้นเคยกันดีนั่นก็คือ มันบดราดซอสเกรวี่ ซึ่งรสเค็มๆ จากซอสเกรวี่ จะช่วยทำให้การทานมันบดอร่อยและมีรสชาติมากขึ้น

ส่วนผสมมันฝรั่งบด

มันฝรั่ง 2 ลูก
เนยจืด 30 กรัม
ครีม 8 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1 ช้อนชา
ใบพาสลี่ย์
ส่วนผสมซอสเกรวี่

นมจืด 6 ช้อนโต๊ะ
ผงเกรวี่ 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 6 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ

นำมันฝรั่งมาขูดเปลือกให้เรียบร้อย จากนั้น หั่นให้เป็นชิ้นเล็กๆ หรือ หั่นเต๋า
ต้มน้ำให้เดือด ใส่เกลือลงไป 1 ช้อนชา แล้วนำมันฝรั่งลงไปต้มให้สุก ใช้เวลา 15 นาที
กรองเอาน้ำออก เทมันฝรั่งลงในชามผสม ใช้ตะกร้อมือ หรือที่บด บดจนเนื้อมันฝรั่งละเอียด
ตั้งกระทะ ใส่เนยจืดลงไป ผัดให้เนยละลาย ใส่เกลือ 1 ช้อนชา แล้วใส่มันฝรั่งที่บดไว้ลงไป คนส่วนผสมให้เข้ากัน
ทำซอสเกรวี่ โดยเตรียมหม้อต้ม ใส่ผงเกรวี่ 2 ช้อนโต๊ะ นมจืด 6 ช้อนโต๊ะ น้ำเปล่า 6 ช้อนโต๊ะ เสร็จแล้ว เปิดไฟกลาง ใช้ตะกร้อมือคนส่วนผสมตลอดเวลา จนเมื่อซอสเริ่มเหนียวข้นดีแล้ว ค่อยปิดไฟ
จัดจาน ตักมันฝรั่งบดลงไป ราดด้านบนด้วยซอสเกรวี่ และตกแต่งด้วยใบพาสลี่ย์ เป็นอันเสร็จ

ใครอยู่หอหรืออยู่บ้าน แล้วอยากกินมันบด ไม่ต้องกลัวว่าจะทำไม่ได้ ซอสมันบด ถ้าไม่มีเตาแก็ส เพราะเพียงแค่มีเตาไมโครเวฟ ก็สามารถทำมันบดได้แล้ว โดยวิธีการทำก็แค่หั่นมันบดเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำไมโครเวฟ จากนั้นนำมาบดให้ละเอียด ผสมกับส่วนผสมต่างๆ เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จ สะดวกและรวดเร็วมากๆ

ส่วนผสม

มันฝรั่ง 2 ลูก
วิปปิ้งครีม 200 กรัม
นม 50 กรัม
เนย 1/2 ช้อนโต๊ะ
เกลือ เล็กน้อย
พริกไทย เล็กน้อย
ใบพาสลีย์
วิธีทำ

ปอกเปลือกมันฝรั่ง หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่น้ำเล็กน้อย ปิดพลาสติกคลุมอาหาร แล้วเอาเข้าไมโครเวฟประมาณ 5 นาที เอาออกมาดู ถ้ายังไม่นิ่มนำเข้าต่ออีก 3-5 นาที
เมื่อมันฝรั่งสุก ให้เทน้ำออก แล้วนำมาบดให้ละเอียด โดยระหว่างบด ให้บดมันฝรั่งผ่านกระชอน เพื่อให้มันบดเนื้อเนียนขึ้น มันบด ไมโครเวฟ
ใส่เนย วิปปิ้งครีมและนมจืด ใช้ตะกร้อมือหรือช้อน ตีให้เข้ากัน เนื้อมันบดจะฟูขึ้น
ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย ตกแต่งด้านบนด้วยใบพาสลีย์ ตักใส่ถ้วยเสิร์ฟ เป็นอันเสร็จ

ถ้ากินมันบดอย่างเดียวแล้วรสชาติไม่ถูกปาก แนะนำให้ทำ มันบดอบชีส ซึ่งรสเค็มมัน จากมอซซาเรลล่าชีส จะช่วยให้ทานอร่อยมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญยังทำให้ดูหรูหราและถ่ายรูปสวยงามมากขึ้นอีกด้วย

ส่วนผสม

มันฝรั่ง 2 หัว
เนย 50 กรัม
ครีม 50 มิลลิลิตร
เกลือ 1 ช้อนชา
พริกไทย 1 ช้อนชา
มอสซาเรลล่าชีส ตามชอบ
วิธีทำ

นำมันฝรั่งมาปอกเปลือก ล้างน้ำให้สะอาด เสร็จแล้ว หั่นมันฝรั่งเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็กๆ แล้วนำไปต้มในน้ำเดือด ใช้เวลา 10-15นาที วิธีเช็กถ้าใช้ส้อมจิ้มมันฝรั่ง แล้วรู้สึกนิ่มลง แสดงว่าสุกแล้ว
เมื่อมันฝรั่งสุก ให้เทน้ำออก แล้วนำมาบดให้ละเอียด โดยระหว่างบด ให้บดมันฝรั่งผ่านกระชอน เพื่อให้มันบดเนื้อเนียนขึ้น
ใส่เนย เกลือและพริกไทย แล้วใช้ตะกร้อมือหรือช้อน ตีให้เข้ากัน พอเข้ากันดีแล้ว ให้ใส่ครีมลงไปเป็นอันสุดท้าย ผสมให้เข้ากัน จนเนื้อเนียนละเอียด
ตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยมอซซาเรลล่าชีส เสร็จแล้วนำเข้าเตาอบ 210 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 7 – 10 นาทีเท่านี้ เป็นอันเสร็จ

มันบด ถือว่าเป็นเมนูที่ทำง่าย และทานอิ่มท้องมากๆ ทั้งยังสามารถทานเป็นอาหารจานหลัก หรือ เครื่องเคียง คู่กับอาหารอื่นๆ เพื่อเพิ่มความพิเศษ หากใครอยากทำ มันบด รับประทานแล้วละก็ อย่าลืมลองทำตาม สูตร มันบด ง่ายๆ ที่นำมาแนะนำกันนะ


ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

Search

About

Lorem Ipsum has been the industrys standard dummy text ever since the 1500s, when an unknown printer took a galley of type and scrambled it to make a type specimen book.

Lorem Ipsum has been the industrys standard dummy text ever since the 1500s, when an unknown printer took a galley of type and scrambled it to make a type specimen book. It has survived not only five centuries, but also the leap into electronic typesetting, remaining essentially unchanged.